ความสัมพันธ์กับแฟนที่แอบนอกใจ! เป็นเรื่องที่น่าช็อค และเจ็บใจมากๆ ถ้าเกิดว่าแฟนของเราแอบไปนอกใจ!
17 ก. พ. 2565 เวลา 9:13 น.
กินเผือกเป็นนิจ เคยได้ยินไหม หวังดีกับเผือกมีเส้นบางๆ กั้นอยู่ กรณีจะว่าไปก็อยู่ในหมวดไม่รู้จักขอบเขตของสถานความสัมพันธ์ของคำว่าเพื่อนก็ได้เช่นกัน คืองี้นะจะบอกให้ว่า หวังดี เป็นห่วงเพื่อนน่ะ มันเป็นสิ่งที่ เป็นคุณสมบัติของเพื่อนคนนึงที่ควรทำ หากน้องๆ ย้อนถามว่าไหนบอกว่าไม่ชอบแบบไหนก็อย่าทำแบบนั้น หนูชอบแบบนี้เลยทำกับเพื่อนไง แต่บางทีเรื่องส่วนตัวเขาเราก็ควรดูปฏิกิริยาเพื่อนด้วยว่าเขาแฮปปี้กับสิ่งที่เราทำมั้ย อย่าให้เขาต้องอึดอัด เพราะอย่างที่บอก ความหวังดีของเราจะกลายดูเป็นเพื่อนที่โคตรเผื่อกบอกเลย 2. เพื่อนพาเลว กิจกรรมห่ามๆ เชื่อว่าวัยรุ่นทุกคนก็คงอยากลอง แต่ครั้นหากเจอเพื่อนที่ชวนทำแต่เรื่องเลวๆ ตลอด อาทิ มั่วสุมอบายมุข เล่นพนัน ไม่เคยจะชวนกันไปทำกิจกรรมอะไรสร้างสรรค์ แยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ออก ขั้นแรกก็เตือนเพื่อนหน่อย ถ้ายังไม่ฟังก็ถอยออกมาดีที่สุด 3. ให้ช่วยตลอด 24 เหมือนเป็นอีกอวัยวะในร่างเธอ เป็นเพื่อนกันต้องช่วยเหลือกันในยามเดือดร้อน ใช่ค่ะ เป็นเรื่องที่สมควรทำ แต่หากเจอเพื่อนประเภทแบบว่าให้ช่วยทุกเรื่อง ช่วยแทบจะ 24 ชั่วโมง เรื่องเล็กๆ น่้อยๆ ที่ลงมือทำเองได้ก็ไม่ทำ แต่ให้เพื่อนช่วย พอไม่ช่วยก็มีอาการขุ่นเคืองโน่นนี่นั่น อย่าเสียเวลาเลยค่ะเจอคนแบบนี้ วิ่งออกมาเลยเถอะ 4.
คุณชอบลุกลี้ลุกลน การลุกลี้ลุกลนอาจเป็นประโยชน์ต่อคุณในบางกรณี อย่างเช่นการเป็นคนตื่นตัว มีความแอคทีฟอยู่โดยตลอด แต่ทว่า ถ้ามากไปมันก็กลับทำให้คนอื่น ๆ รอบข้างคุณรู้สึกไม่ดีตามไปด้วยได้ มันทำให้คุณดูเหมือนเป็นคนวิตกและขาดสติ ซึ่งทำให้เพื่อนร่วมงานของคุณรู้สึกไม่สบายใจ และอาจส่งผลให้ผู้คนรอบข้างค่อย ๆ เลือนหายไปจากนิสัยนี้ได้ 3. คุณมักทำอะไรชักช้า เราทุกคนอาจมีเพื่อนคนหนึ่งที่มักมาสายเสมอ หรือบางทีคุณอาจจะเป็นคนนั้นซะเองก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าคนที่รอมักจะรู้สึกไม่ดีเอามากๆ ไม่เพียงแค่ในด้านหน้าที่การงานที่การไม่ตรงต่อเวลาเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยาก แต่สิ่งเล็ก ๆ รอบตัวคุณก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นการนัดกับเพื่อน การตอบข้อความ หรือการติดต่อกลับต่างๆ ที่ทำให้คนรอบข้างของคุณรับรู้ว่าคุณใส่ใจพวกเขามากเพียงใด 4. คุณเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น แน่นอนมันไม่ใช่ว่าคุณต้องใจดีและให้อภัยกับทุกความผิดของทุกคน และเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ที่บางทีเราอาจจะไม่พอใจกับใครบางคน แต่การขุ่นเคืองและไม่พอใจอย่างรุ่นแรงเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้คุณทั้งเสียเวลาและเสียสุขภาพจิตมากทีเดียว นอกจากนี้ถ้าคุณแสดงความรู้สึกเหล่านี้ต่อคนอื่น บทสนทนาของคุณก็จะเป็นไปในทางลบทันที ดังนั้นแล้ว จงเรียนรู้ที่จะปล่อยวางสิ่งต่าง ๆ เข้าไว้ เพราะบางเรื่องอาจไม่ได้สำคัญกับชีวิตเราเลยก็ได้ แต่เรากลับเก็บมันมาใส่ใจเอง 5.
ทิ้งสิ่งสำคัญที่กำลังทำอยู่ทันทีเพื่อเมื่อโดนขอความช่วยเหลือ การช่วยเหลือคนอื่นเป็นสิ่งที่ดี เราไม่ได้อยากให้คุณละเลยคำขอร้องจากคนอื่น แต่ถ้าอยู่ในจุดที่คุณให้ความสำคัญกับความต้องการของคนอื่นก่อนของตัวเองเสมอ และตัวเองก็ต้องยอมประณีประนอมเป็นประจำ อาจจะหมายความได้ว่าคุณกำลังเป็น นางแบก ของความสัมพันธ์นี้อยู่นะ ควรกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนและบอกให้คู่ของคุณรับรู้ด้วย 2. การเป็น "คนดี" เป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของคุณ คุณกลัวว่าคุณจะต้องเป็นแบบนี้ตลอด ไม่งั้นจะถูกตราหน้าว่าเป็น 'ตัวปลอม' ใครๆ ก็อยากถูกมองว่าเป็นคนดี แต่นั่นไม่ควรมาจากความกลัวที่จะถูกมองว่าเป็นอย่างอื่น หรือต้องยอมเสียสุขภาพจิต การหาเวลาให้ตัวเองและจัดลำดับความสำคัญของความต้องการของตัวเองไม่ใช่สิ่งที่ควรรู้สึกผิด 3. รับผิดชอบความรู้สึกคนอื่นมากเกินไป และจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ใครต้องเจ็บปวด แม้ว่านั่นจะหมายถึงการไม่ยืนหยัดเพื่อตัวเอง หากพบว่าตัวเองกำลังเป็นตัวกลางของคนในครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนอยู่เสมอ ควรหาเวลาค้นหาตัวตนที่แท้จริงของคุณ และตรวจเช็กความสมดุลในความสัมพันธ์ที่คุณอยู่ จะช่วยฟื้นตัวจากความพอใจของผู้คนรอบๆตัวได้ 4. ให้อภัยง่ายและยอมให้คนเข้ามาอยู่ในความสัมพันธ์ในรูปแบบที่เป็นอันตรายซ้ำเดิม การอภัยเป็นการเยียวยาและคุณธรรมที่ดีที่จะช่วยให้หลุดพ้นจากความผิดพลาดและรู้สึกผิด แต่ควรมอบให้แก่ผู้ที่เหมาะสมจะได้รับเท่านั้น ถ้าคุณมีเพื่อนหรือครอบครัวที่เป็นพิษและสร้างบาดแผลในใจให้คุณตลอด จนกลายเป็นความเครียดและไม่มีความสุข ถึงเวลาแล้วที่ต้องถอยออกมาจากความสัมพันธ์ชั่วคราว เพื่อมองหาสมดุลใหม่ในการรับมือหรือตัดขาดจากพวกเขาถ้าทำได้ 5.
หากคุณตัดสินใจที่จะเข้าหาบุคคลนั้นและพูดคุย คุณต้องทำเป็นการส่วนตัว สถานการณ์จะยิ่งแย่ลงและคุณจะไม่ได้บทสนทนาที่เป็นประโยชน์หากมีคนอื่นอยู่ด้วย [4] คุณอาจจะพูดว่า "นี่บ๊อบ ขอคุยด้วยแป๊บนึงได้ไหม? " อธิบายพฤติกรรมที่คุณสังเกตเห็นและสิ่งที่คุณรู้สึก. ในตอนนี้ที่คุณอยู่ตามลำพังกับบุคคลนั้น คุณต้องสื่อสารสิ่งที่คุณสังเกตจากพฤติกรรมของเขา จากนั้นจึงอธิบายว่ามันทำให้คุณรู้สึกอย่างไร [5] พูดสิ่งที่คุณสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน เช่น "ฉันสังเกตว่าทุกครั้งที่ฉันทักทายเธอสัปดาห์นี้เธอไม่พูดอะไรกลับมาเลย" จากนั้นทำให้เขารู้ว่ามันทำให้คุณรู้สึกอย่างไรโดยการพูดบางอย่าง เช่น "ฉันรู้สึกเจ็บปวดเวลาที่เธอเมินฉัน" [6] 3 ขอคำอธิบาย. เมื่อคุณได้อธิบายพฤติกรรมที่บุคคลนั้นกระทำต่อคุณ คุณอาจจะขอให้เขาอธิบายว่าทำไมเขาถึงทำตัวแบบนั้น คุณอาจจะถามได้พูดว่า "เธอช่วยบอกฉันได้ไหมว่าทำไมเธอถึงทำตัวแบบนั้น? " รับรู้ว่าเขาอาจจะปฏิเสธพฤติกรรมหรือปฏิเสธที่จะอธิบาย กำหนดขอบเขตของคุณ. คุณไม่สามารถควบคุมวิธีที่คนอื่นปฏิบัติตัวต่อคุณแต่คุณสามารถทำให้พวกเขารู้ว่าคุณคาดหวังที่จะถูกปฏิบัติอย่างไร คุณสามารถทำสิ่งนั้นได้โดยการกำหนดขอบเขต หากใครบางคนทำตัวไม่ดีกับคุณ คุณสามารถพูดได้ว่าขอบเขตไหนที่พวกเขาได้ล้ำเข้ามา ตอนนี้คุณเพียงต้องทำให้เขารู้ว่าอย่าทำแบบนี้อีก [7] เช่น ใช้ตัวอย่างตามด้านบน คุณอาจจะพูดว่า "หากเธอยังคงเมินฉันเวลาที่ฉันทักทายเธอ ฉันก็จะหยุดทักทายเธออีก" อีกหนึ่งตัวอย่างอาจจะข้องเกี่ยวกับการมีปฏิกิริยาโต้ตอบเมื่อใครบางคนดูถูกคุณ ขอบเขตของคุณอาจจะเป็นดังนี้ "อย่าเรียกฉันแบบนี้อีก ไม่งั้นฉันจะบอกครู" 1 ปฏิเสธการถูกปฏิบัติที่ไม่ดี.